โอเคครับ เมื่อหวนลำลึกอดีตเล็กน้อยกันเเล้ว เรามาเริ่มต้นเที่ยวกันเลยครับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมกลับมาจีนอีกครั้ง ที่เลือกเซี่ยงไฮ้ เพราะ ได้ยินว่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย เป็นสลัดชามใหญ่ ที่เราใฝ่หาความแตกต่างได้อย่างหลากหลาย ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น นิสัยคน การเจริญเติบโตของเมือง และ อื่นๆ ครับ
ผมเริ่มเดินทางจากสนามบินผู่ตง ไปที่มหาวิทยาลัยตงหัว ซึ่งผมจะเรียนภาษาที่มหาลัยนี้ และพักที่นี่ด้วยครับ โดย ใช้ รถไฟฟ้าแม่เหล็กชื่อว่า แม็กลีฟ ( Maglev ) โดยมีความเร็วประมาณ 600 กิโลเมตร ต่อ ชม. แต่ตอนเข้าไปนั่ง ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันเร็วมากนะ ลงจาก แม็กลีฟ แล้วก็ ต่อรถใต้ดินสถานี หล่ง หยาง ( Long Yang ) ขอคั่นนิดนึงนะครับ ที่เซี่ยงไฮ้จะเรียกทั้งรถไฟฟ้าบนดินและใต้ดิน รวมกันว่า metro line รวมมี 13 สาย กว่า 100 สถานี ซึ่ง สถานี หล่ง หยาง นี้ เป็นสถานีปลายทางของ metro line สายที่ 2 ( เส้นนี้ผ่านใต้น้ำด้วยนะครับ เจ๋งมาก ) ครับ ตอนแรก ดูแผนที่สถานีต่างๆ มึนมากครับ ไม่เหมือนที่กรุงเทพที่จะมีแค่ 2 สาย ดูอยู่สักพักก็เข้าใจว่า ตัวเองต้องนั่งจากสถานี้ไปลงที่สถานี จง ซาน พาร์ค ( Zhong Shan Park ) แล้วไปต่อ metro line สายที่ 3 อีก 1 สถานี ลงที่ สถานี เหยียนอัน ตะวันตก (West Yan An ) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาลัยที่ผมได้ลงทะเบียนเรียนเอาไว้ครับ ก็นั่งมาเรื่อยๆ สังเกตเห็นหลายอย่างในรถไฟฟ้าที่แตกต่างจากของไทย เช่น เสียงดังมาก คนเยอะมาก มีขอทานบนรถไฟฟ้าด้วย เอ้ ก็แปลกใจว่า ขอทาน เค้าอุตส่่าลงทุนจ่ายค่ารถไฟ มาขอทานในนี้เลยเหรอ และก็พบกับการไล่ขอทานที่เสียงดังมาก คนละวัฒนธรรมกับ ที่ไทยดีครับ
รถไฟฟ้า Maglev ครับแผนที่รถไฟฟ้าครับ
เมื่อถึงสถานี จง ซาน พาร์ค ซึ่งต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้า ต้องเดินขึ้นไป metro line 2 ก็สังเกตเห็นอีกอย่างนึง คือ ถึงจะเป็นวันธรรมดา และเวลาเร่งด่วน แต่คนเร่งรีบกันมากครับ เดินเร็วมาก ผมก็ เอ้ จะรีบไปไหนกัน ดูแก่งแย่งกันดีครับ active มาก
พอมาถึงมหาวิทยาลัยตงหัว สิ่งแรกที่ผมทำก็คือ ไปที่ที่ติดต่อเอาไว้ เริ่มต้นเรียนวันรุ่งขึ้น จากนั้น เค้าก็พาไปที่หอพัก เก็บของเรียบร้อย รวมทั้งบอกให้เค้าจัดการเรื่อง internet ในห้องเป็นเตียง 2 เตียง แต่ตอนนี้ยังมีแค่ผมคนเดียว ลองนึกถึงตึกประมาณ 8 ชั้น ผมอยู่ชั้น 1 ห้องซ้ายสุด ก็ส่วนตัวดีครับ ปลั้กที่นี่เป็น รู 3 รู ซึ่งผมได้เตรียมที่แปลงมาแล้วเรียบร้อยจากไทย
มหาวิทยาลัยตงหัว ครับ
จัดแจงอะไรเสร็จ ก็ไปซื้อ Sims โทรสัพท์มือถือที่มี operator (ในไทยจะเป็น AIS Dtac TMV Hutch ) เป็นของจีน ผมใช้บริการ China mobile เพราะ คนขายแนะนำ แล้วก็ให้เค้าเติมเงินให้เสร็จสรรพ เวลาพูดก็ภาษามือ กับ จีนอันน้อยนิด อันที่จริง ผมได้เปิด roaming ของ Dtac มาจากไทยแล้วครับ มาถึงสนามบินผู่ตง ก็มี sms "ต้อนรับเข้าจีน" เลยครับ แต่ถ้าโทรระหว่างประเทศจะแพงมาก เลยต้องมาซื้อ Sims ใหม่ที่นี่ และ บัตรโทรศัพท์ที่ใช้โทรต่างประเทศโดยเฉพาะ
เริ่มหิวครับตอนนี้ 9 โมงแล้ว หันซ้ายแลขวา ก็เจอโรงอาหารของมหาลัยพอดี อาหารของที่นี่ถูกมาก ซาลาเปา 2 ลูก แค่ 1 หยวน หรือ 5 บาทเองครับ แต่ภาษาจีนเต็มไปหมดเลย ยังดีที่มีรูปชี้ๆเอาได้ มื้อเเรกที่เซี่ยงไฮ้ ผมกินข้าวผัดไก่แบบเผ็ดนิดนิด กับ อะไรสักอย่างคล้ายหมูพะโล้ เค้าให้เยอะมากครับ ตบท้ายด้วย หมั่นโถวอีก 2 ลูก อิ่มแปร้ มื้อนี้รวมเเล้วประมาณ 25 บาทครับ ถูกดี
สำหรับวันเเรกที่เซี่ยงไฮ้ สถานที่ที่ผมจะเที่ยว คือ ถนน หนานจิง ( Nan Jing Lu ) และ หาด ว่ายทาน ( Wai tan ) (ดูจาก แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ) ที่เซี่ยงไฮ้ดีอย่างนึง คือ มีรถไฟฟ้า หรือ metro line เต็มไปหมดเลยครับ เราสามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยสิ่งนี้ สะดวกมากครับ แต่อาจจะต้องมีการต่อรถหน่อย ก็ยังสะดวกนะครับ ไป ถนน หนานจิง ผมใช้เวลาจากมหาลัย 30 นาที ต่อรถไฟฟ้า 2 ครั้ง ลงที่สถานี้ People's square ออกจากสถานีปุ้ป เจอคนเยอะมาก ( อีกแล้ว ) ครับ ราคารถไฟฟ้าที่นี่ไม่แพงครับ ไปไกลๆอย่างมากก็ 4 หยวน 20 บาทครับ
ลงสถานีนี้จะได้เจอกับ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเซี่ยงไฮ้ 2 แห่ง คือ พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ จะยังไม่พูดถึงนะครับ ไว้วันอื่นจะมาเที่ยวที่นี่ และอีกที่คือ ถนน หนานจิง เดินเค้าไปก็พบกับห้างเยอะแยะมากมาย รูปแบบการตกแต่งก็แตกต่างกันครับ มีทั้งแบบสมัยใหม่ ที่เราเห็นๆกัน หรือ แบบเก่าๆแต่สวยออกแนวยุโรปก็มีครับ ไม่แค่นั้น ยังมีห้าง หรือ ร้านอาหารที่อยู่ใต้ดินอีกครับ แต่ละห้างก็ใหญ่มาก ห้างที่ดังๆก็เช่น No. 1 Department Store , Shanghai Westgate Shopping Mall , Westgate Shopping Mall อยู่ใกล้เคียงกันครับ แต่เราจะดูไม่ออกครับ เพราะมันจะเหมือนๆกันหมด ผมเดินสำรวจทีละห้างๆ ก็จะขายสิ่งของคล้ายๆกันครับ แต่จะมีแบรนด์ที่เราไม่เคยเจอมากมาย เช่น มีกระเป๋า เหมา เจ๋อ ตุง ด้วย อันนี้ดูจะดังอยู่ เห็นมีหลายห้างครับ นอกจากนั้น เนื่องด้วยถนน shopping ที่ยาวจัด เค้าก็มีรถรางมาให้นั่งชม แต่ก็แค่ขับไปแล้วขับกลับครับ ผมเลือกที่จะเดินเองดีกว่า เดินเล่นไปเรื่อย
ขึ้นจาก People's square ก็จะเจอกับถนน หนาน จิง เลยครับ
คนเยอะมากครับ
ตึกแบบเก่าก็ยังคงมีอยู่ครับ
ห้างต่างๆ ครับ
รถรางอันแสนน่ารัก
เดินได้สักพัก 4โมงเย็นเเล้ว หาอะไรกินดีกว่า เลือก Ajisen Ramen ครับ ร้านนี้ต้องเดินลงใต้ดินไปกิน ยังคงอยู่ที่ ถนน หนาน จิง นะครับ มีที่เมืองไทยด้วยนะครับ แต่แตกต่างจากที่นี่มาก ตั้งแต่การตกแต่งร้าน เมนูอาหาร ทุกอย่างครับ เมนูที่ผมเลือกคือ ราเมนซี่โครงหมูน้ำข้น จำชื่อไม่ได้เหมือนกันครับ แต่วันหลังๆมา ผมก็กินที่นี่นะ อร่อยดี เสียไปประมาณ 25 หยวน หรือ 125 บาท บวกค่าน้ำไปอีก 5 หยวน เบ็ดเสร็จ มื้อนี้ 150 บาทครับ ต่างจาก ที่มหาลัยมาก กินเสร็จได้ 5 โมง ก็ยังคงเดินที่ ถนน หนานจิง ครับ มีอะไรเยอะให้ดู
ราเม็นที่ได้ทานไปครับ
พอสัก 1 ทุ่ม ก็เดินไปจนสุดถนนหนานจิง ซึ่งเป็น หาด ว่ายท่าน ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวจีน เคยจีบๆ พรอดรัก กันครับ แต่ตอนนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้วครับ ตรงจุดนี้เราจะมองเห็นวิวอันเป็นสัญลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ ครับ ไม่ว่าจะเป็นตึกไข่มุก ตึกการเงินต่างๆ ฝั่งผู่ตง ขอคั่นเล็กน้อยครับ เซี่ยงไฮ้จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ ผู่ตง (Pu dong) และ ผู่ซี (Pu xi) โดยมีแม่น้ำ หวงผู่ (Huang pu) กลั้นกลางครับ ตอนนี้เรายืนอยู่ที่ฝั่งผู่ซีครับผม ฝั่งผู่ซีจะได้ชื่อว่าเป็นฝั่งเมืองเก่า ส่วนผู่ตงจะเป็นเขตพัฒนาใหม่ มีต่างชาติเข้ามาลงทุนเยอะครับ เข้าเรื่องเที่ยวกันต่อครับ ตรงนี้บรรยากาศดีมากครับ กลางคืนสวย อากาศเย็นๆ น่าพาแฟนมาเดินจับมือมากครับ ผมมาที่นี่ประมาณเดินมีนาคมครับ ประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ได้
มองจาก ว่าย ทาน ครับ
หลังจากซึมซับกับบรรยากาศเสร็จ ก็ได้เวลากลับ ผมกลับประมาณ 2 ทุ่มครับ ต้องเดินอีกยาว ( เริ่มเหนื่อย) ไปที่สถานี People's square ขึ้นรถกลับหอพักครับ
ทางเดินระหว่างหอมีคนปิ้งเนื้อแกะขายด้วยครับ ซื้อมากินก็อร่อยดี 2 หยวนต่อ 1 ไม้ครับ 10 บาท แล้วก็อาบน้ำนอน เตรียมตัวเรียนพรุ่งนี้
ไว้จะมาเล่าต่อครับ
Hi Ake. I'm Koy na ^_^
ตอบลบ